จอร์จี้ คินคลัดเซ่ : ดาวเตะขวัญใจแฟนเรือใบยุค 90
หากย้อนไปในช่วงแรก ๆ ของ พรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ห่างไกลกับคำว่ายอดทีมเบอร์ต้น ๆ ของอังกฤษอย่างมาก เนื่องจากพวกเขาเป็นแค่ทีมระดับกลางตาราง แถมยังต้องดิ้นรนตกชั้นด้วยซ้ำในบางฤดูกาล
ทว่าในช่วงยุค 90 ‘เรือใบสีฟ้า’ ก็ยังมียอดนักเตะที่แฟนบอลยกให้ขวัญใจของพวกเขาแบบไม่มีข้อโต้แย้ง นั่นก็คือ จอร์จี้ คินคลัดเซ่ ดาวเตะชาวจอร์เจีย ที่ย้ายมาโชว์ฟอร์มเทพในช่วงที่สโมสรตกต่ำที่สุดในยุคพรีเมียร์ลีก
คินคลัดเซ่ ลืมตาดูโลกในวันที่ 6 กรกฏาคม ปี 1973 ณ เมือง ทบิลิซี ประเทศจอร์เจีย ซึ่งในช่วงนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตอยู่ ก่อนที่ โรบินสัน พ่อของเขา จะผลักดันเขาให้เขาสู่โลกของลูกหนังตั้งแต่เด็กด้วยการพาลูกชายเข้าทีมชุดเยาวชนของ ดินาโม ทบิลิซี่ ในวัย 6 ขวบ
แต่เมื่อ ฟุตบอลจอร์เจีย ได้แยกลีกออกจากโซเวียตเป็นของตัวเองในปี 1989 คินคลัดเซ่ ก็เลือกย้ายมาเล่นกับ มเรเทบี้ ทบิลิซี่ ซึ่งเป็นสโมสรหน้าใหม่ในตอนนั้น แต่ก็ทำให้เขามีโอกาสลงเล่นฟุตบอลอาชีพเป็นครั้งแรก และประเดิมชุดใหญ่ด้วยวัยเพียง 16 ปี พร้อมกลายเป็นตัวหลักในทีมทันที
หลังพาทีมเลื่อนชั้นไปเล่นลีกสูงสุดได้เพียง 1 ปี คินคลัดเซ่ ก็ย้ายกลับไป ดินาโม ทบิลิซี่ ในฐานะสตาร์ดัง พร้อมพาทีมคว้าแชมป์ลีกจอร์เจียได้ 2 ครั้ง และแชมป์บอลถ้วยอีก 2 สมัย ตลอด 4 ปี พร้อมคว้าแข้งยอดเยี่ยมของประเทศถึง 2 หน
แต่สงครามกลางเมืองในประเทศปี 1993 ทำให้บอร์ดบริหารส่งตัวเขาให้ทีมต่างประเทศยืมไปใช้งาน เนื่องจากกังวลด้านความปลอดภัยของนักเตะ ทั้งกับ ซาบรุคเค่น สโมสรลีกล่างเยอรมันปี 1993 และ โบคา จูเนียร์ส ปี 1994 แต่ก็ไม่มีทีมไหนสนใจคว้าไปร่วมทีมแบบถาวร
จนกระทั่ง ฟรานซิส ลี ประธานสโมสรของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้เห็นเทปบันทึกฟอร์มการเล่นของ ดาวเตะทีมชาติจอร์เจีย จึงให้ความสนใจในทันที และคว้าตัวเขาไปร่วมทีมดั่งหวังในซัมเมอร์ปี 1995 ด้วยค่าตัว 2 ล้านปอนด์
‘เรือใบสีฟ้า’ ฟอร์มแย่ตั้งแต่เริ่มต้นฤดูกาล 1995-96 เมื่อไม่ชนะใครเลยในลีกตลอด 3 เดือนแรกของฤดูกาลนั้น แต่ คินคลัดเซ่ ก็กลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลอย่างรวดเร็ว แม้ในตอนแรกเขามีปัญหาในการปรับตัวเพราะคิดถึงบ้านเกิด แต่ แม่ของเขา ก็ย้ายมาอยู่ที่ แมนเชสเตอร์ เพื่อจัดหาอาหารที่เขาคุ้นเคยให้ และช่วยให้เขาปรับตัวในแดนผู้ดีได้
ด้วยลีลาการลากเลื่อยที่ไม่เป็นสองรองใคร พร้อมฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นเหนือทุกคนในทีม ทำให้หลายคนยกให้ คินคลัดเซ่ เป็นนักเตะเบอร์หนึ่งของ ซิตี้ ในตอนนั้น จนคว้ารางวัลประตูสุดสวยประจำเดือนมีนาคม ในเกมที่เอาชนะ เซาแธมป์ตัน 2-1 ด้วยการชิพข้ามหัว เดฟ บีแซนท์ เข้าไปอย่างสวยงาม อีกทั้งยังเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรในฤดูกาลนั้นด้วย
แม้พยายามแบกทีมมากแค่ไหน แต่ คินคลัดเซ่ ก็ไม่สามารถช่วยให้ ซิตี้ รอดตกชั้นได้ในฤดูกาลนั้น แต่เขาก็เลือกอยู่ค้าแข้งในถิ่น เมน โร้ด ต่อไป ทั้ง ๆ ที่ได้รับความสนใจจากทีมระดับท็อป ทั้ง บาร์เซโลน่า, อินเตอร์ มิลาน หรือ ลิเวอร์พูล
ถึงเขาทำผลงานได้ดีแค่ไหน เรือใบสีฟ้า กลับฟอร์มไม่กระเตื้อง พร้อมตกชั้นไปเล่นในดิวิชั่น 2 ในฤดูกาล 1996-97 และอยู่กับทีมต่ออีกปี ก่อนถูกขายให้กับ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ด้วยค่าตัว 5 ล้านปอนด์ ในปี 1998
ทว่าช่วงเวลาในแดนกังหันลม คินคลัดเซ่ ไม่ประสบความสำเร็จมากนัก ตลอด 1 ปีเศษ ๆ เขาลงเล่นเพียง 15 นัดเท่านั้น ทำให้ตัดสินใจมองหาสโมสรใหม่ และได้ย้ายกลับมาอังกฤษอีกครั้งในฤดูกาล 1999-2000 กับ ดาร์บี้ เค้าน์ตี้ แบบยืมตัว
ด้วยฟอร์มที่น่าพอใจ ทำให้ แกะเขาเหล็ก เลือกซื้อขาดเขาหลังจบฤดูกาลด้วยค่าตัว 3 ล้านปอนด์ ซึ่งเป็นสถิติสโมสรจนถึงปี 2007 แต่การต้องผ้าตัดไส้เลื่อนช่วงต้นฤดูกาล 2000-01 ทำให้เขาพลาดเกมไปพอสมควร อีกทั้งเมื่อกลับมาได้ ก็ไม่สามารถโชว์ฟอร์มเก่งได้เหมือนเมื่อก่อน แต่อย่างน้อย แข้งชาวจอร์เจีย ก็ยังช่วยให้ทีมรอดตกชั้นได้สำเร็จ
ในฤดูกาลต่อมา คินคลัดเซ่ ก็ไม่ต่างจากฤดูกาลก่อนที่ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงสลับกับตัวสำรอง แต่การลาออกของ จิม สมิธ กุนซือผู้ดึงเขามาร่วมทีมในเดือนตุลาคมปี 2001 ทำให้โอกาสลงสนามของเขาลดลง เนื่องจากสไตล์การเล่นที่เปลี่ยนแปลงของทีมในยุคของ โคลิน ท็อด
ทว่าฟอร์มโดยรวมของทีมกลับแย่ลงไปกว่าเดิม จนต้องเปลี่ยนกุนซือเป็นครั้งที่ 2 ในฤดูกาล กับ จอห์น เกรกอรี่ ก่อนที่ ดาร์บี้ จะฝืนไม่ไหวหล่นไปเริ่มใหม่กันในลีกรองอีกครั้ง และกลายเป็นการตกชั้นหนที่ 3 ในชีวิตค้าแข้งของ คินคลัดเซ่
ด้วยปัญหาด้านการเงินทำให้ ดาร์บี้ พยายามจะเขี่ย คินคลัดเซ่ ออกจากทีม แม้ตอนแรกเจ้าตัวยืนยันว่าจะอยู่กับทีมต่อไปจนหมดสัญญาในปี 2003 แต่การเขาไม่ได้รับค่าเหนื่อยมา 3 เดือน ทำให้แสดงความต้องการย้ายทีมในเวลาต่อมา แต่สุดท้ายก็ไม่เกิดขึ้น ก่อนกลับมาโชว์เก่งอีกครั้งจนได้รับโหวตจากแฟนบอลให้เป็นนักเตะยอดเยี่ยมในปีนั้นไปครอง
เมื่อหมดสัญญากับ ดาร์บี้ ในซัมเมอร์ปี 2003 เขาก็กลายเป็นนักเตะไร้สังกัด ตระเวนไปฝึกซ้อมและทดสอบฝีเท้าทั่วสโมสรในอังกฤษ ทั้งกับ พอร์ทสมัธ หรือ ลีดส์ ยูไนเต็ด แต่ก็ไม่รับสัญญาอาชีพ
หลังเป็นแข้งไร้สังกัดมานานกว่า 1 ปีครึ่ง คินคลัดเซ่ ก็ได้เซ็นสัญญากับ อนอร์โธซิส สโมสรในไซปรัส เมื่อเดือนตุลาคมปี 2004 และมีส่วนช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ลีกมาครองในฤดูกาลนั้น พร้อมคว้าตั๋วไปเล่นแชมเปี้ยนส์ลีกรอบคัดเลือกด้วย
ทว่า คินคลัดเซ่ ก็ตัดสินใจย้ายทีมอีกครั้งในช่วงบั้นปลายอาชีพกับ รูบิน คาซาน สโมสรจากรัสเซียในปี 2005 ซึ่งไม่ประสบความสำเร็จดั่งหวัง ก่อนตัดสินใจแขวนสตั๊ดอย่างเป็นทางการในปี 2007 ด้วยวัย 34 ปี
ชีวิตหลังค้าแข้ง คินคลัดเซ่ ได้ก้าวเข้ามาเป็นเอเย่นต์นักเตะในปี 2011 จากนั้นก็ไปนั่งตำแหน่งผู้อำนวยการกีฬาของ อนอร์โธซิส จนถึงปี 2012 ก่อนจะหันหลังให้วงการฟุตบอล ด้วยการผลิตแบรนด์ไวน์ของตัวเองในบ้านเกิด ตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา
คินคลัดเซ่ ถือเป็นเพลย์เมกเกอร์อีกคนในพรีเมียร์ลีกที่มีความสามารถครบเครื่อง ทั้งการสร้างสรรค์โอกาส, การลากเลื้อย, วิสัยทัศน์ หรือ การเล่นลูกนิ่ง ด้วยสิ่งเหล่านี้เองทำให้หลายคนมองว่าเขามีศักยภาพมากพอในการก้าวเป็นยอดนักเตะเบอร์ต้น ๆ ในพรีเมียร์ลีก
น่าเสียดายที่ความยอดเยี่ยมเหล่านั้นเกิดขึ้นผิดเวลากับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ยังเป็นแค่ทีมกลางตารางที่ต้องหนีตกชั้นในบางปีเท่านั้น รวมถึงช่วงเวลาค้าแข้งในแดนผู้ดีหนที่ 2 กับ ดาร์บี้ ก็ไม่เป็นอย่างที่เขาคาดหวังเท่าไรนัก
อย่างไรก็ตาม หากถามแฟน ๆ ‘เรือใบสีฟ้า’ ว่าใครคือนักเตะที่ดีที่สุดของสโมสร จะต้องมีชื่อของ จอร์จี้ คินคลาดเซ่ รวมเคียงกับ ดาบิด ซิลวา, ยาย่า ตูเร่ หรือ เซร์คิโอ้ อเกวโร่ อย่างแน่นอน
…………………………………………………………….
…………………………………………………………….
กลุ่มลับทีเด็ด Exclusive “สูงหลัง บอลไหล คัดจากใจ” 🏟bit.ly/Over2H
เจ้าเดียวในไทย
แทงขั้นต่ำ 10 ฿
สเต็ปเริ่มต้น 2 คู่
ฝากถอนขั้นต่ำ 100 ฿
ครบจบทั้งบอล/มวย/คาสิโน/สล็อต
มีบอลสดในเว็บให้ดูฟรี
บอลเปิดเยอะกว่าสโบ
เล่นเว็บนี้ไม่มีโกงล้าน%
กิจกรรมลุ้นเงินหมื่นในกลุ่มเพียบ!
ฟรีเสื้อบอล เครดิต เงินสด มากมาย!!
👉┏━━━━━━━━━━━┓
สมัครแอดLINE: @BIGBONUS
┗━━━━━━━━━━━┛👈
หรือคลิก ✅https://line.me/R/ti/p/@bigbonus
…………………………………………………………….
<<<คิกออฟไทยแลนด์ Kickoffthailand วิเคราะห์ฟุตบอลวันนี้ แม่นยำ หลากหลาย มีครบทั้ง บองเต็ง บอลรอง บอลชุด บอลสเต็บ สกอร์สูงต่ำ พร้อมสาระน่าอ่านกับ บทความลูกหนัง ที่จะพาทุกท่านย้อนอดีตไปพบกับเรื่องราวของ ตำนานพรีเมียร์ลีก รวมถึงมี คลิปฟุตบอล ที่เจาะนักเตะชนิดรายคน>>>
…………………………………………………………….
